สมถะวิปัสสนาเหมือนกับการฝึกวรยุทธ
เมื่อพูดถึงการปฏิบัติธรรม (หรือกรรมฐาน) คนส่วนใหญ่ก็นึกถึงการไปนั่งสมาธิ ไปเดินจงกรม เป็นต้น
ใช่ครับนั่นคือการปฏิบัติธรรม
แต่ไม่ครบตามหลักของพุทธศาสนา!
พุทธศาสนาจะมีคำอยู่ 2 คำ คือ สมถะกับวิปัสสนากรรมฐาน
เพื่อให้เข้าใจความหมายและผลลัพธ์ของทั้ง 2 คำได้ง่าย ผมจะเปรียบเทียบกับการฝึกวิทยายุทธของจอมยุทธในหนังจีนกำลังภายในให้ฟัง
จอมยุทธทั้งหลายจะเก่งเป็นยอดยุทธ หรือ เจ้ายุทธภพได้ทุกคนต้องฝึกวิชาของตัวเองอย่างหนัก ซึ่งการฝึกจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ
1. พลังภายใน(เช่นพลังคางคกของอาวเอี้ยงฮงเป็นต้น) ยิ่งมีพลังภายในมาก พลังในการทำลายล้างก็ยิ่งมากนั่นเอง ซึ่งพลังภายในจะต้องเกิดจากการฝึกสะสมมาเรื่อยๆ ยิ่งนานยิ่งดี โดยทั่วไปพวกผู้อาวุโสเลยมักจะมีกำลังภายในแข็งแกร่งกว่าพวกจอมยุทธหนุ่ม ดังนั้นถ้าพลังภายในเยอะ โอกาสชนะก็เยอะตามไปด้วย
2. กระบวนท่า หรือ เพลงยุทธ (เช่น 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร ของเฉียวฟง เป็นต้น) มันคือ ท่วงท่าต่างๆ ที่จะใช้เพื่อดึงพลังภายในออกมาใช้ขณะต่อสู้กับศัตรู กระบวนท่าที่ดีย่อมดึงพลังออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จะเห็นได้ว่าคนจะเป็นจอมยุทธได้ต้องมีทั้งพลังภายในและกระบวนท่าที่ดี ถ้าคนนึงมีพลังภายในมากๆ แต่ไม่มีกระบวนท่า ไม่รู้จะใช้มันยังไง ก็คือมีของดีแต่ใช้ไม่เป็น
ถ้าพลังภายในเยอะแต่กระบวนท่าห่วย เหมือนต้วนอึ้ที่ได้รับพลังภายในมามหาศาล แต่ไม่ได้ฝึกเพลงวิชากระบี่หกชีพจรให้ชำนาญ เวลาสู้เลยยิงออกมั่ง ไม่ออกมั่ง
หรือถ้ากระบวนท่าสุดยอดแต่กำลังภายในน้อย ก็คงฆ่าได้แต่พวกลูกสมุนไม่กี่คน พอไปเจอตัวบอส ก็สู้ไม่ได้
เล่ามาซะยาว แล้วมันเหมือนการปฏิบัติธรรมยังไง?
ผมเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ
พลังภายใน ก็คือ สมถะกรรมฐาน ไอ้ที่เรานั่งสมาธิเดินจงกรมกันนั่นแหละครับ มันคือการสร้างพลังให้กับจิต สะสมไว้ยิ่งเยอะยิ่งดี จะได้มีแรงสู้กับศัตรู (กิเลส)
กระบวนท่า คือ วิปัสสนากรรมฐาน คือตัวปัญญา
เวลาเจอกับศัตรู (กิเลส) จึงต้องใช้ทั้งพลังภายในและกระบวนท่าไปพร้อมๆ กันนั่นเอง
พวกฤาษีในสมัยพุทธกาลทำแต่สมถะ นั่งสมาธิตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ก็มีแต่พลังภายใน ไม่เคยฝึกกระบวนท่าที่เรียกว่า วิปัสสนา จึงไม่สามารถฆ่ากิเลสและบรรลุธรรมได้เท่ากับเสียของไปเปล่าๆ
ทีนี้ถ้าเราทำแต่วิปัสสนา โดยทำสมถะน้อยหรือไม่ทำเลย เราก็มีกระบวนท่าที่สวยงามแต่ไม่มีพลังในการทำลายศัตรู (กิเลส) หรืออาจจะฆ่ากิเลสตัวง่ายๆ ได้ในบางครั้ง แต่ฆ่ากิเลสตัวเก่งๆ ไม่ได้ หรือ ฆ่ากิเลสได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่สามารถฆ่าได้ถาวรนั่นเอง
ถ้าจะฆ่ากิเลสทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ตัวตึงตัวพ่อได้แบบถอนรากถอนโคน จึงต้องทำทั้งสมถะและวิปัสสนาครับ!
ดังนั้น…
ยอดยุทธต้องฝึกทั้งพลังภายในและกระบวนท่าฉันใด
ผู้บรรลุธรรมก็ต้องทำทั้งสมถะและวิปัสสนาฉันนั้น!
แถมอีกหน่อย
พระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์สำหรับศึกษาและฝึกตามให้กับพวกเราไว้แล้ว เมื่อฝึกสำเร็จตำแหน่งเจ้ายุทธภพจะตกเป็นของเราทันที
คัมภีร์นั่นชื่อว่า …
มรรคมีองค์ 8
ซึ่งในแต่ละองค์ของมรรคจะขึ้นต้นด้วยคำว่า
สัมมา แปลได้ว่า ชอบ หรือ ถูกต้องนั่นเอง
มรรคมีองค์ 8 จัดรวมได้เป็น 3 หมวดคือ …
ศีล สมาธิ ปัญญา
พลังภายใน คือ สมาธิ
กระบวนท่า คือ ปัญญา (อันเกิดจากวิปัสสนานั่นแหละ)
แล้ว ศีล ล่ะ?
ศีล แปลว่า ปกติ หรือ ถูกต้อง มีศีลก็คือมีความดีอันถูกต้องชอบธรรม
ไม่มีศีล ก็คือ ไม่ปกติ ไม่ถูกต้อง ก็ชั่วนั่นแหละ
ถ้าผู้ฝึกวิชาไม่มีศีล ก็เปรียบเสมือนฝึกวิชาฝ่ายอธรรม ก็กลายเป็นมารยุทธภพไป
ถ้าผู้ฝึกวิชามีศีล ก็คือ ฝึกวิชาฝ่ายธรรมะ นี่แหละเจ้ายุทธภพตัวจริง
นิรันดร
วันพระ แรม 14 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ
วันเสาร์ที่ 17 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2566
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต (2 ภาพเอามาต่อกัน)